ความเงียบอันสุดอันตรายของ Chul Kyung ในสนามรบทำให้เขาเน้นใช้งาน Electronic Rendering Cloak (ERC-7) เพื่อไม่ให้ใครพบตัว
ERC-7 ใช้งานเทคโนโลยี Diminished Reality เพื่อทำการลบสิ่งกระตุ้นเร้าที่สามารถรับรู้ได้ออกไปจากสภาพแวดล้อมโดยตรง Vigil พกอุปกรณ์รุ่นทดลองนี้เอาไว้ในเป้หลัง ซึ่งจะสแกนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยรอบ และทำการลบภาพของเขาออกจากกล้องตัวใดก็ตามที่จับภาพ
K1A
ปืนกลมือ
BOSG.12.2
ปืนลูกซอง
C75 Auto
ปืนสั้นอัตโนมัติ
SMG-12
ปืนสั้นอัตโนมัติ
กล้องกันกระสุน
ระเบิดอิมแพ็กต์
ERC-7
"ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับฉันหรอก ฉันไม่เคยมีตัวตนอยู่แล้ว"
บันทึกเกี่ยวกับวัยเด็กของ Hwa นั้นไม่แน่ชัด เราไม่ทราบว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดคือใคร เรื่องที่รู้คือเขาทุกข์ทรมานกับการสูญเสียพี่ชายและพ่อของเขาเพื่อมายังเกาหลีใต้ เรามีประวัติการเรียนของเขาในช่วยวัยรุ่น ตอนที่เขาถูกรับเลี้ยงโดยครอบครัว Hwa รายงานระบุว่าเขามีอาการชอกช้ำทางจิต สันโดษ คิดอ่านช้า แต่พอเรียนสูงขึ้นเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและมีโฟกัส
Hwa หลงใหลในอิเล็กทรอนิกส์และวิศวกรรมไฟฟ้า เขาอยากจะใช้พรสวรรค์ของเขาและแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่ภูมิใจในชาติมาก เขาจึงเลือกที่จะเข้าร่วมกับกองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี ภายหลัง เขาได้รับตำแหน่งใน ROKN UDT/SEALs ด้วยพรสวรรค์ในเรื่องระบบเรดาร์ และเทคโนโลยีอำพราง เขาได้รับเลือกจากกลุ่มภารกิจพิเศษที่ 707 สำหรับทำภารกิจสงครามที่ไม่เป็นแบบแผน เขาแสดงให้เห็นถึงความว่องไวและเด็ดขาด Hwa ทำงานร่วมกับผู้ชำนาญการ Grace “Dokkaebi” Nam จนกระทั่งทั้งคู่ได้เข้าร่วมกับ Rainbow
ผู้ชำนาญการ Chul Kyung “Vigil” Hwa มีชีวิตวัยเด็กที่ยากลำบาก เรื่องส่วนมากเขาเลือกที่จะไม่จดจำ และจำแต่เรื่องที่มีค่ากับเขา ผมบอกเขาว่าหน้าที่ของผมไม่ใช่การพูดถึงอดีตของเขาหรือขุดเรื่องราวในอดีตขึ้นมาพูดที่อาจทำให้เขาไม่สบายใจ แต่ผมจะอยู่ที่นี่คอยช่วยเหลือเจ้าหน้าที่หากพวกเขาต้องการ ผมอธิบายว่าหน้าที่ของผมคือการสร้างทีมให้แข็งแกร่ง ทุกๆ คนมีหน้าที่ของตัวเอง และมันคืองานของผมที่ต้องผสมให้ทุกอย่างเข้ากัน […]
การปกปิดตัวตนเป็นสิ่งที่ผลักดันให้ Hwa ทำทุกสิ่งที่เขาทำ เขารู้สึกไม่สบายใจที่ผมอัดบทสนทนาของเราไว้ และเรื่องที่มีการแจ้งเตือนเรื่องเวลาการประชุมของเรา เขาก็มีความประหม่าเมื่อต้องเข้าสังคมเช่นกัน มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าเขามีความเป็นตัวของตัวเองสูงหรือไม่มีเลย แต่สิ่งที่ชัดเจนคือเขาไม่ยอมให้ใครเข้ามาในชีวิตของเขา นั่นทำให้เขามักจะต้องจมอยู่กับความคิดของตัวเองบ่อยๆ […]
ผมอยากให้เขามีภาพตัวตนในอดีตของเขาที่ชัดเจน ณ เวลานั้น คือโฟกัสที่การพูดคุยของเรา อยากให้เขามองตัวเองไม่ใช่แค่เป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งหรือเด็กที่สูญเสียครอบครัว ผมเลยคิดว่าเขาน่าจะไม่เข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อตอนที่ผมถามเขาว่าเขาชอบการ์ตูนเรื่องอะไรมากที่สุด
เราพูดคุยกันถึงเรื่องชอบอะไรไม่ชอบอะไรหลาย ๆ อย่างตั้งแต่การนั่งวิปัสสนาจนไปถึงเรื่องสมาคมอิสระ เขาก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไร แต่เขาก็มีการยิงมุกบ้าง พอเขาเริ่มผ่อนคลาย คำตอบบางอย่างของเขาก็เริ่มเปิดเผยตัวตนของเขา ตั้งแต่เรื่องอาหารเช้าและเรื่องที่เขาเพิ่งรู้ตัวว่าขับมอเตอร์ไซค์ไม่เป็น เขาสามารถโยงเรื่องราวกับผมได้ เขาอธิบายว่ากลิ่นของซุปร้อน ๆ ทำให้เขามองเห็นภาพหญิงสาวคนหนึ่งที่ยิ้มแย้มพร้อมกับยื่นถ้วยซุปให้เขาโดยเขาเชื่อว่านั่นคือแม่ของเขา หน้าของเขาดูผ่อนคลายและช่วงเวลานั้นเองที่เขารู้สึกเหมือนได้กลับบ้านอีกครั้ง […]
ผมกระตุ้นให้ Hwa พยายามฝึกพูดคุยแบบนี้บ่อย ๆ ตลอดทั้งวัน ผมรู้ว่าสมาชิกหลาย ๆ คนใน Rainbow ได้พยายามพูดคุยกับเขาและแม้ว่าเขาจะเคารพคนพวกนั้น มันก็ยังมีกำแพงบางอย่างที่เขายังไม่พร้อมจะทำลายมันลง
-- ดร. Harishva "Harry" Pandey ผู้อำนวยการของ Rainbow